05 กุมภาพันธ์ 2566

ผู้จัดการโรงแรมทหาร หาดจอมพล ตอนที่ 1 ระหว่าง 2 ต.ค. - 17 พ.ย.57 (ทหารดอทคอม 5 ก.พ.66)

 Timeline บันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการเป็นผู้จัดการสถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก หาดเจ้าสำราญ (พฟผ.ทบ.หาดเจ้าสำราญ หรือ โรงแรมทหาร หาดจอมพล)  ตั้งแต่ ต.ค.57 - ก.ย.59 

--------------------------------------------------- 

   

         ห้วงหนึ่งของชีวิตได้มีโอกาสไปเป็นผู้จัดการโรงแรมของทหารแห่งหนึ่งที่เพชรบุรี ชื่อเต็มว่า สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก หาดเจ้าสำราญ อักษรย่อ พฟผ.ทบ.หาดเจ้าสำราญ  ผมเป็นอยู่ 2 ปีเต็ม ตั้งแต่ ตุลาคม 2557 ยศพันเอก จนถึง กันยายน 2559 ทำผลงานเป็นที่ประจักษ์ และได้รับการส่งเสริมจากเพื่อนที่เป็นผู้บังคับบัญชา จึงได้รับการเลื่อนยศให้สูงขึ้น แล้วย้ายออกไปทำงานที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ดอนเมือง กรุงเทพ

 สองปีที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้จัดการโรงแรมทหารแห่งนี้นับได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และท้าทายเป็นอย่างยิ่ง ได้พบผู้คนมากมายทั้งที่เป็นเพื่อนร่วมงานและแขกผู้มาใช้บริการที่พัก อาหารและสถานที่ ซึ่งหมุนหน้าเปลี่ยนตาเข้ามานับพันนับหมื่นคนและแน่นอนย่อมนำพาความหลากหลายรูปแบบของความต้องการของมนุษย์ที่ต้องให้บริการเช่นกัน

การสนทนาทางไลน์กับเจ้าหน้าที่
ที่เคยทำงานด้วยกัน

          เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในสองปีนั้น ผมเคยมีความตั้งใจว่าจะเขียนบันทึกเพื่อความทรงจำก่อนที่จะเลืมเลือนและเผยแพร่เผื่ออาจจะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง แต่วันเวลาก็ผ่านไป สิ่งใหม่เข้ามาจนล่วงเลยผ่านพ้นไป 6 ปี ผมเกษียณอายุก็ไม่ได้เขียนตามที่ต้ังใจไว้สักที จนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานด้วยกันและยังคงอยู่ทำงานถึงปัจจุบันได้ทักไลน์เข้ามาคุยด้วยอีกรอบ จึงทำให้เกิดแรงฮึดในการรวบรวมข้อมูลการทำงานเป็นผู้จัดการที่ผ่านมาอีกครั้ง 

        แต่ในครั้งนี้เป็นการบันทึกที่แตกต่างจากการบันทึกเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา เพราะผมรวมรวมบันทึกด้วยภาพถ่ายการทำงานเป็นผู้จัดการที่ถ่ายไว้อย่างต่อเนื่องเป็นหลัก โดยจะมีอธิบายประกอบเล็กน้อย และเรียงภาพตามวันเวลาก่อนหลัง คงเนื่องจากขีดความสามารถการเขียนและสายตาต่าง ๆ ไม่เข้มแข็งเท่าสมัยก่อน 

        อีกประการหนึ่งหลังจากเริ่มเรียบเรียงผ่าน Blogger/Blogspot นี้ ไปประมาณ 5 - 6 ชั่วโมงแรก ที่ร่างข้ันต้น ปรากฎว่าห้วงเวลาที่เป็นข้อมูลนั้นได้เพียงเดือนครึ่งเท่านั้นโดยยังไม่ได้ตรวจ ตัดต่ออะไรเลย จึงตกลงใจได้ว่าคงต้องแบ่งออกเป็นหลายตอน ตอนหนึ่งจะครอบคลุม  1 - 2 หรือ 3 เดือน แล้วแต่ภาพที่มีอยู่ ซึ่งอาจจะมีความยาวถึง 8 - 12 ตอน 

หากมีผู้สนใจโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสถานพักฟื้นต่าง ๆ ของกองทัพบกหรือสถานที่ทำนองเดียวกับของเหล่าทัพอื่นสามารถนำไปใช้ประโยชน์บ้าง ก็จะเป็นสิ่งที่ผมได้ภาคภูมิใจไม่น้อยกว่าที่มีผู้คนทั่วไปได้ดูภาพและอ่านข้อความเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดการของผมครับ

--------------------------------------------------------------

2 ต.ค.57 รายงานตัวเป็นที่ปรึกษา ผบ.มทบ.15

2 ต.ค.57 เดินทางไป พฟผ.ทบ.หาดเจ้าสำราญ
(โรงแรมทหาร) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ
ผู้จัดการโรงแรมทหารตามที่ได้รับมอบวันแรก

2 ต.ค.57 เดินสำรวจบริเวณรับผิดกชอบของโรงแรมทหาร

3 ต.ค.57 วิ่งสำรวจชายหาดและที่พักของหาดเจ้าสำราญบริเวณใกล้เคียงโรงแรมทหาร
 6 ต.ค.57 ศึกษาโครงสร้างสถานที่ของโรงแรมทหารในรายละเอียด
 
7 ต.ค.57 สักการะศาลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงแรมทหาร 

9 ต.ค.57 ร่วมประชุมกับชมรมพัฒนาการท่องเที่ยวหาดเจ้าสำราญ
 
10 ต.ค.57 เริ่มใช้ Line ID : Armyhotel สื่อสารกับผู้รับบริการ
และสั่งอาหารกับร้านค้าส่งแทนระบบโทรสาร

10 ต.ค.57 ศึกษาผู้จัดการโรงแรมทหารที่ผ่านมาเพื่อสอบถามข้อมูล

11 ต.ค.57 สังเกตการณ์ความเป็นไปในการดำเนินการของโรงแรมทหาร
(วันหยุดเสาร์อาทิตย์ มาทำงานปกติตั้งแต่เช้ายันดึก)

17 ต.ค.57 นอนที่โรงแรมทหารเพื่อติดตามระบบการทำงานแต่ละแผนก

18 ต.ค.57 ออกสำรวจและศึกษาประวัติความเป็นมาของหาดเจ้าสำราญ

18 ต.ค.57 วิ่งออกกำลังกายไปวัดหาดเจ้าสำราญเพื่อศึกษาประวัติที่เกี่ยวข้อง

21 ต.ค.57 จัดทำข้อมูลอัตราค่าเช่าที่พักเป็นไฟล์ภาพเพื่อส่งให้ลูกค้าทางไลน์

21 ต.ค.57 เดินทางไปพบอดีตกำลังพลของโรงแรมทหารยุคแรกที่
ยังมีชีวิตและพักอาศัยอยู่ที่หาดเจ้าสำราญเพื่อสอบถาม
ประวัติความเป็นมาของโรงแรมทหาร

21 ต.ค.57 ศึกษาและพัฒนาสัมพันธ์กับอาคารที่พักของ บก.ทท.
เพื่อการสนับสนุนซึ่งกันและกัน (17 หาดเจ้าสำราญ
บ้านพักตากอากาศเดิมของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์)

21 ต.ค.57 อดีตบ้านพักตากอากาศของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ผู้ก่อสร้างอาคารหลักโรงแรมทหาร บ้านต้ังอยู่ทางเหนือ
ของโรงแรมทหารประมาณ 500 เมตร 

21 ต.ค.57 ให้การต้อนรับ ผบ.มทบ.15 /ประธาน พฟผ.ทบ.หาดเจ้าสำราญ
มาเยี่ยมชมโรงแรมทหารและโครงการป่าชายเลนเป็นการส่วนตัว

22 ต.ค.57 ร่วมประชุมชมรมพัฒนาการท่องเที่ยวหาดเจ้าสำราญ
ได้พบกับนายบุญยอด มาคล้าย นายกเทศมนตรีตำบลหาดเจ้าสำราญ

23 ต.ค.57 สร้างแผนที่สังเขปในการเดินทางจากต่างจังหวัด
มายังโรงแรมทหารเพื่อส่งให้ลูกค้าทราบทางไลน์

23 ต.ค.65 ร่วมประชุมกับเทศบาลตำบลหาดเจ้าสำราญ
(วันหยุดพิเศษก็มาทำงานหรือร่วมกิจกรรมเป็นธรรมดา)

23 ต.ค.57 ร่วมกับชุมชนหาดเจ้าสำราญในการพัฒนาพื้นที่

23 ต.ค.57 ร่วมกับชุมชนหาดเจ้าสำราญเก็บขยะ
ข้างทางเส้นทางเพชรบุรี หาดเจ้าสำราญ

23 ต.ค.57 จัดกำลังพลโรงแรมทหารร่วมมือร่วมใจกับ
ชุมชนหาดเจ้าสำราญในการพัฒนาพื้นที่

23 ต.ค.57 พัฒนาสัมพันธ์กับผู้นำชุมชนภายหลังจากจบการพัฒนาพื้นที่

26 ต.ค.57 ปรับเมนูอาหารแบบกระดาษเป็นไฟล์ภาพ
เพื่อใช้ส่งให้ลูกค้าดูได้ทางไลน์

26 ต.ค.57 จัดทำแผนผังที่ตั้งอาคารต่าง ๆ ของโรงแรมทหาร
เป็นไฟล์ภาพเพื่อส่งให้ลูกค้าดูทางไลน์

30 ต.ค.57 เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมชมรมพัฒนา
การท่องเที่ยวหาดเจ้าสำราญ

31 ต.ค.57 ถ่ายภาพเจ้าหน้าที่โรงแรมทหารเพื่อเป็น
ประวัติศาสตร์ส่วนตัวและหน่วยและใช้ทำ PowerPoint

31 ต.ค.57 แก้ไขบ่อน้ำพุพญานาคหน้าอาคารจอมพลให้กลับมาใช้งานได้

2 พ.ย.57 ต่อเติมลานไม้และลานปูนหน้าเรือนพระรามที่ค้างไว้จนแล้วเสร็จ

2 พ.ย.57 ตรวจสอบความเป็นมาของบ้านตากอากาศพัดลม หมายเลข 2
ที่ถูกรื้อค้างไว้

3 พ.ย.57 ให้ความร่วมมือกับชมรมพัฒนาการท่องเที่ยวหาดเจ้าสำราญ
ด้วยการติดป้ายประชาสัมพันธ์

3 พ.ย.57 เริ่มสำรวจข้อมูลแผนกต้อนรับเพื่อปรับปรุง
ระบบการต้อนรับแขกให้รัดกุมยิ่งขึ้น

6 พ.ย.57 ร่วมกิจกรรมลอยกระทงของประชาชนตำบลหาดเจ้าสำราญ

11 พ.ย.57 ผบ.มทบ.15/ประธาน พฟผ.ทบ.หาดเจ้าสำราญ และคณะ
ตรวจเยี่ยมกิจการของโรงแรมทหารอย่างเป็นทางการ

11 พ.ย.57 โรงแรมทหารเป็นเจ้าภาพงานศพบุพการีของแม่ครัว

13 พ.ย.57 เปลี่ยนโซฟาบ้านพักตากอากาศ 3 ห้องนอน 3 หลัง

17 พ.ย.57 เปลี่ยนดอกไม้ประดับหน้าอาคารจอมพล

13 พ.ย.57 ถ่ายภาพโรงแรมทหารพาโนราม่าจุดต่าง ๆ
เพื่อลงใน Google Map 

15 พ.ย.57 ถ่ายภาพบริเวณโรงแรมทหารและโดยรอบแบบ 360 องศา
เพื่อลงใน Google Map

15 พ.ย.57 ออกกำลังกายยามเช้าด้วยการวิ่งไปด้านทิศใต้
ของโรงแรมทหารไปดูชีวิตชาวประมง

15 พ.ย.57 ให้บริการใช้สถานที่ในการกิจกรรมของโรงเรียนต่าง ๆ 

15 พ.ย.57 ให้บริการการจัดงานเลี้ยง งานสังสรรค์ กลางแจ้ง

16 พ.ย.57 รุ่งสางวันใหม่ของหาดเจ้าสำราญ

16 พ.ย.57 อาหารเช้าแขกที่มาพักเป็นหมู่คณะ

17 พ.ย.57 พัฒนาสัมพันธ์กับชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวหาดเจ้าสำราญ
ร่วมกิจกรรมเช่าเรือไปดูวาฬบลูด้า อ่าวตัวกอ

17 พ.ย.57 ตามหาวาฬบรูด้ามาหลายชั่วโมงจนเจอแบบอยู่ในทะเล
ซึ่งต่อมากลับเป็นแรงบันดาลใจให้ปั้นวาฬบรูด้าปูน
และกำเนิดหาดจอมพลในเวลาต่อมา

17 พ.ย.57 จ้ดทำไฟล์ภาพแผนผังท่องเที่ยวบริเวณ
จังหวัดเพชรบุรีและใกล้เคียงส่งให้ลูกค้าทางไลน์
 --------------------------------------------------------- 
ยังมีต่อ 

พ.อ. เบญจพล รังษีภาณุรัตน์


03 กุมภาพันธ์ 2566

ซุ้มกระบี่ ปราการเหล็กคุ้มภัย (ทหารดอทคอม 22 เม.ย.55)


        การจัดงานแต่งงานเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของคู่บ่าวสาว คู่บ่าวสาวที่จัดงานแต่งงานนั้นร้อยละ 99 ต้องการที่จะทำให้งานแต่งงานของตนออกมาดีที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ และในกิจกรรมย่อยที่จะสร้างความประทับใจให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว และต้องการประทับรอยในความทรงจำของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแต่งงานตลอดไปนั้น คือ การจัดพิธีลอดซุ้มกระบี่ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวที่เป็นทหารเท่านั้น (ประเทศไทยเพิ่มตำรวจมาด้วย)

        การจัดพิธีลอดซุ้มกระบี่เป็นสิ่งที่ไทยเรานำมาจากวัฒนธรรมของต่างประเทศ (สหรัฐและอังกฤษเป็นหลัก) ความหมายของการลอดซุ้มกระบี่หรือ การลอดผ่านโค้งเหล็กกล้า คือ ปราการเหล็กที่จะปกปักรักษาความรักของคู่บ่าวสาวที่ผ่านเข้ามาให้มั่นคงตลอดไป

        อันที่จริงตัวผมเองตอนจัดงานแต่งงานของตัวผมเองเมื่อปี 39 ก็ไม่ได้จัดกิจกรรมการลอดซุ้มกระบี่นี้เนื่องจากตอนนั้นค่อนข้างมีข้อจำกัดมากพอสมควร สำหรับในงานแต่งงานของเพื่อน ๆ และนายทหารอื่น ๆ ซึ่งผมเคยไปร่วมที่ผ่านมาก็มีกิจกรรมการลอดซุ้มกระบี่อยู่บ้างแต่ไม่มากนัก ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเจอปัญหาคล้ายคลึงกับผมจึงตัดสิ่งนี้ออกไป จึงทำให้ผมเองไม่ทราบรายละเอียดและแนวทางการจัดซุ้มกระบี่ที่ถูกต้องแท้ ๆ สักเท่าไรนัก

        อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนที่ผ่านมาตอนที่ผมอายุ 50 ปีเต็มมาได้สองเดือน ก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทมากท่านหนึ่งที่เป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยมาด้วยกันและไปมาหาสู่กันตลอดเวลาเกือบ 30 ปี ว่าเพื่อนสนิทของเราอีกคนที่เราไปร่วมพิธีหมั้นเมื่อก่อนน้ำท่วมใหญ่ปีที่ผ่านมานั้น จะจัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานแบบไม่ให้ใครเหมือนได้ ในวันที่ 21 เมษายน นี้ ที่สวนหลวง ร.9 ซึ่งผมมั่นใจว่างานนี้ต้องสนุกและประทับใจแน่

        ดังนั้น เมื่อเพื่อนผมบอกว่า เจ้าบ่าวของงานเขาจะจัดให้มีกิจกรรมลอดซุ้มกระบี่โดยไม่ให้เหมือนงานอื่น ๆ ที่เคยเจอคือใช้นักเรียนนายร้อยมาทำซุ้มกระบี่ เขาจะขอให้เพื่อนและน้องที่สนิทมาทำซุ้มกระบี่แทน ซึ่งหนึ่งในนั้นเขาก็บอกว่าผมเองได้รับเกียรติให้มีชื่ออยู่ในลำดับต้น ๆ ซึ่งจากความสนิทสนมและเป็นเพื่อนรักกันมานาน ทำให้ผมเองไม่ต้องคิดอะไรเลย ก็ตอบรับว่าผมยินดีจะเป็นหนึ่งในซุ้มกระบี่ในวันนั้น ในเมื่อเจ้าบ่าวไม่กลัวแขกว่าเอาคนแก่มาทำซุ้มกระบี่ ผมก็ไม่กลัวเหมือนกัน เป็นไงเป็นกันว่างั้นเถอะ

        ในวันซ้อมก่อนการจัดงานจริง ผมไปที่สถานที่เพื่อฟังรายละเอียดและขั้นตอนการทำซุ้มกระบี่ที่ถูกต้อง ซึ่งแต่ละคนก็มีความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วนำมาปะติดปะต่อกัน ซึ่งผมเองยืนฟังอยู่ด้วยคิดว่า ถ้าไม่มีผู้รู้จริงอาจจะทำให้คู่บ่าวสาวขายหน้าได้ เมื่อไม่รู้จะถามใครที่เป็นมนุษย์ได้ จะมีใครอื่นอีกล่ะที่จะมาตอบได้ดีไปกว่า กูเกิล ว่าแล้วผมก็หยิบ iPhone 4S ของผมมาเปิด 3G พิมพ์คำว่า พิมพ์คำว่าซุ้มกระบี่ลงไป ก็เจอบทความภาษาไทยที่เกี่ยวข้องและนำมาเป็นแนวทางได้อยู่สองสามลิงค์ จากนั้นก็ไปดูที่ลิงค์ของ Youtube ปรากฏว่าเจอพิธีนี้ซึ่งเป็นของต้นฉบับจากสหรัฐอยู่หลายคลิป แล้วก็รู้เพิ่มอีกว่าคำว่า ซุ้มกระบี่ นั้น ภาษาอังกฤษเขาใช้ว่า Saber/Sword Arch หรือ Arch of Steel

        ซึ่งเมื่อไปค้นหาใน Wikipedia และเว็บอื่น ๆ แล้ว ก็ได้รับทราบขั้นตอนของแท้ (กองทัพบกสหรัฐฯ) ที่เราได้นำมาดัดแปลงใช้เป็นของไทยเราตามความเหมาะสม ผมก็เลยคิดว่าน่าจะเกิดประโยชน์อยู่บ้างสำหรับท่านที่ไม่ทราบการจัดทำซุ้มกระบี่มาก่อนแบบผม แต่ต้องการทราบขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อใช้เป็นแนวทางในงานแต่งงานของตนเอง หรือลูกหลานแล้วก็ควรยึดแนวทางต่อไปนี้แล้วดัดแปลงต่อตามความสามารถที่มีดังนี้.-

            1. การทำซุ้มกระบี่มักทำกันกลางแจ้ง โดยเฉพาะหน้าประตูโบสถ์ (ฝรั่ง) หลังจากบาทหลวงทำพิธีแต่งงานจบ และแขกออกจากโบสถ์มาคอยอยู่ก่อนหน้าแล้ว

            2. ผู้ที่ถือกระบี่ในการทำซุ้มกระบี่ควรจะเป็นเพื่อนของเจ้าบ่าวเป็นหลัก หากหาไม่ได้ก็จะเป็นนายทหารของหน่วยของตนเองเป็นลำดับต่อไป จำนวนมาตรฐานคือ 6 นาย (3 คู่) แต่อาจจัด 4 นาย หรือ 8 นาย ได้

            3. ผู้ถือกระบี่ต้องใส่ถุงมือสีขาว การแต่งกายเป็นชุดใหญ่สุดของกองทัพ (กองทัพบกไทยชุดขาว) และก่อนและหลังการทำซุ้มกระบี่ ผู้ที่ทำซุ้มกระบี่จะต้องนำกระบี่ติดตัวไปด้วยตลอดเวลา แถวของผู้ถือกระบี่และความพร้อมเพรียงในการชักกระบี่ต่าง ๆ ควรดำเนินการหลังจากแขกพร้อมแล้ว เพราะจะสร้างความประทับได้มาก โดยเมื่อเดินออกมาจากจุดรวมพลเป็นคู่ ๆ จะเดินมาด้วยท่าบ่าอาวุธ (กระบี่)

            4. เมื่อถึงจุดที่กำหนดสั่งหยุด แล้วขวาซ้ายหัน หันหน้าเข้าหากัน คำสั่งต่อมาคือ คือการสั่งชูกระบี่ การชูกระบี่จะชักเฉียงขึ้นฟ้า ปลายกระบี่ของแต่ละคู่จะชนกันพอดี โดยคมกระบี่หงายขึ้นฟ้า ความสูงเพียงพอให้บ่าวสาวลอดได้

            5. เมื่อคู่บ่าวสาว เดินมาถึงกระบี่คู่สุดท้าย ผู้ถือกระบี่คู่สุดท้ายจะค่อย ๆ ลดกระบี่ลงมาพร้อมกันโดยเฉียงลงพื้นกั้นไม่ให้คู่บ่าวสาวผ่าน ดนตรี ควรหยุดเล่น เพื่อให้เสียงต่าง ๆ เงียบลง

            6. หลังจากเจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาว และเจ้าสาวหอมแก้มเจ้าบ่าวคืนแล้ว กระบี่คู่สุดท้ายที่กั้นอยู่จะยกสูงขึ้นกลับไปที่เดิมเพื่อให้คู่บ่าวสาวผ่านไปได้

            7. เมื่อเจ้าสาวเดินผ่านซุ้มกระบี่คู่สุดท้ายแล้ว ก่อนที่ผ่านเลยไป คนถือกระบี่คู่สุดท้ายคนหนึ่ง จะลดกระบี่ลงมาและตบลงไปที่ก้นเจ้าสาว และกล่าวว่า "ยินดีต้อนรับสู่กองทัพบก" ("Welcome to the Army, Mrs. ....... ") สำหรับข้อนี้ไม่เคยเห็นงานแต่งงานไหนในประเทศไทยทำเลย ใครสนใจจะลองทำดู ก็ควรแจ้งให้เจ้าสาวทราบก่อน จะได้ไม่ตกใจหรืออาย

            8. เจ้าบ่าวเจ้าสาวแสดงการเคารพผู้ทำซุ้มกระบี่ หลังจากนั้นนายทหารที่ทำซุ้มกระบี่สั่งแถวเดินกลับจุดรวมพล (จุดที่กำหนดไว้)

        ข้อมูลที่เขียนมาให้ คงไม่ครอบคลุมรายละเอียดทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องหลัก ๆ ที่จะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ซึ่งหากท่านทำได้หมดก็ถือว่าเป็นมืออาชีพ แต่เท่าที่ดูคงไม่ทำทั้งหมดได้ยากเนื่องจากข้อจำกัดในหลาย ๆ เรื่อง ก็ต้องต้องปรับกันไปให้เหมาะกับตัวเรามากที่สุด แบบที่ผมไปเป็นซุ้มกระบี่ให้กับเพื่อนสนิทดังกล่าว ก็ปรับจากต้นฉบับหลายอย่างมากพอสมควร)
-------------------------------- 
พ.อ. เบญจพล รังษีภาณุรัตน์

รักที่ไม่พลัดพรากของตุ้ม (ทหารดอทคอม 25 ก.พ.55)


        เวลาประมาณสองทุ่มของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2549 ขณะที่ผมอยู่ระหว่างผลัดพักจากการทำงานจาก กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาร่วมงานศพที่เพชรบุรี ก็ได้รับโทรศัพท์จากโจ้ ณตฐพล หน้าห้องผู้บัญชาการทหารบก ว่าตุ้ม ได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตพร้อมภรรยาที่ประเทศรัสเซีย

        ผมเองมารู้จัก ตุ้ม หรือ พันเอกสนธิชัย ตุ้มหิรัญ อดีตผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารไทย ฯ ณ กรุงมอสโก และสนิทกันตอนขึ้นปี 1 โรงเรียนนายร้อย ประมาณ พฤษภาคม23 ตุ้มเป็นหัวหน้าตอน ก 1 ซึ่งหมายถึงตุ้มมีคะแนนเป็นลำดับที่ 1 ของรุ่นตอนจบจาก โรงเรียนเตรียมทหาร โดยมีผมเป็นรองหัวหน้าตอน ตุ้มเรียนจบเทอมแรกก็ไปเรียนต่อที่ โรงเรียนนายร้อยทหารบก VMI สหรัฐ เมื่อสำเร็จการศึกษาตุ้มเลือกเป็นทหารปืนใหญ่ ผมเลือกทหารราบจึงไม่ค่อยได้มีโอกาสได้เจอกัน

        ในที่สุดเวลาผ่านไป 20 ปี ในปี 2543 ผมและตุ้มได้ย้ายกลับมาเจอกันอีกที่ตั้งเดิมของโรงเรียนนายร้อยแต่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น กองบัญชากองทัพบก โดยตุ้มทำงานให้กรมข่าว ผมทำในส่วนของกรมยุทธการ เรากลับมาสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว เพราะเรื่องที่เราสนทนากันและวิธีการทำงานสอดคล้องกันเป็นอย่างดี ตุ้มเก่งภาษาอังกฤษ ผมเชี่ยวชาญการใช้คอมพิวเตอร์ จึงมีการสนับสนุนซึ่งกันและกันตลอดเวลา

        จากความที่เป็นคนเก่งของตุ้ม โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวต่างประเทศแบบเจาะลึกในการบรรยายสรุปตอนเช้าของ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก แบบที่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครทำได้ใกล้เคียง โดยผมมีส่วนช่วยเล็ก ๆ ด้วยการสนับสนุนวิธีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อนำเสนอ การใช้งานอินเทอร์เน็ต และการสืบค้นข่าว ทำให้ตุ้มได้รับการคัดเลือกให้เป็น ผู้ช่วยทูตทหารประจำกรุงมอสโก ซึ่งตุ้มก็ตอบแทนผมด้วยการค้นหาหนังสือภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการเขียนใบสมัครงานที่ผมนำไปประยุกต์ใช้ในการเขียนใบสมัครงานของสหประชาชาติมาให้ผมตอนที่มีการประกาศรับสมัครไปทำงานกับสำนักงานใหญ่ สหประชาชาติ นิวยอร์ก ซึ่งหนังสือสมัครงานฉบับนี้เป็นส่วนสำคัญสิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้ทางสหประชาชาติรับผมเข้าทำงาน และผมเชื่อว่ารูปแบบที่ผมเขียนนั้น ปัจจุบันได้แพร่กระจายเป็นตัวอย่างให้กับน้อง ๆ รุ่นหลังที่สมัครไปทำงานกับสหประชาชาติแบบที่ผมเคยทำมาแล้วเมื่อกว่า 10 ปีก่อน

        ผมได้เดินทางไปทำงานที่นิวยอร์กก่อน โดยยังติดต่อกับตุ้มทาง MSN และอีเมลที่ผมตั้งให้ตุ้ม ตุ้มเขียนบทความต่าง ๆ หลายบทความมาลงเว็บของผม และเรายังคงคุยกันเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ชีวิตและความรักแต่ละคนในอดีตที่ผ่านมา และเมื่อตุ้มเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่มอสโกแล้ว เราก็ยังคงติดต่อกันตลอดเวลาเราเล่าเรื่องในที่ทำงานใหม่ของแต่ละคนแลกกัน และตุ้มวางแผนว่าจะหาเวลาบินมาสหรัฐสักครั้ง โดยจะมาแวะหาผมเพื่อท่องนิวยอร์กด้วยกันหลังจากที่ไม่ได้มานานแล้ว

        แต่ในที่สุดตุ้มก็ไม่ได้ไปนิวยอร์กตอนผมอยู่แต่เรามาเจอกันที่ประเทศไทยช่วง ธันวาคม48 ตุ้มลาพักมาจากรัสเซียมาทำธุรกรรมหลายอย่างและซื้อคอมพิวเตอร์เพิ่มเพื่อนำไปใช้งาน ผมลาพักมาจากปัตตานี ผมพาตุ้มไปซื้อ Notebook ที่พันธุ์ทิพย์ ตกเย็นเราคุยกันที่ร้านอาหารแถวสามเสนจนร้านปิดและเราก็แยกจากกัน ผมจำได้ว่าผมแซวตุ้มว่าตุ้มรักภรรยามากไปหรือเปล่าเพราะทรัพย์สินทุกชนิดที่มีการลงชื่อซึ่งมาจากน้ำพักน้ำแรงของตุ้ม ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ ที่ดิน และคอนโดนั้น ตุ้มใช้ชื่อภรรยาเป็นเจ้าของทั้งหมด ตุ้มบอกว่าเขารักภรรยามากแม้ว่าจะไม่มีบุตรด้วยกัน แต่เขาอยากให้ภรรยาเขามั่นใจว่าเขารู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ และจะไม่ทิ้งภรรยาเขาไปไหนตราบชั่วชีวิต และเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายระหว่างผมกับตุ้ม และเขาได้ทำตามสิ่งที่เขาบอกผมในอีกสองเดือนต่อมา

        วันนี้ครบรอบ 6 ปีการจากไปของตุ้มและภรรยาที่เขารักที่สุดแล้ว ผมระลึกถึงเขาขึ้นมาเองอย่างอัตโนมัติเหมือนกับมีสิ่งลึกลับมากระตุ้นเตือนแบบไม่ทราบสาเหตุ ผมจึงเปิดค้นหาชื่อของเขาในอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้ทราบในสิ่งที่ผมถามคนที่รู้จักตุ้มว่ากองทัพบกได้ตอบแทนอะไรให้แก่ตุ้มหลังการเสียชีวิตหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่ได้รับคำตอบ แต่มาสบายใจและได้รับคำตอบจากข้อมูลที่สิบค้นจากเว็บสนุก/มติชนผ่าน Google ในวันนี้ว่าหลังจากการจากไปของตุ้ม 10 เดือน ตุ้มได้รับการเลื่อนยศจาก พันเอกพิเศษ ให้เป็น พลโท ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมและควรค่ากับเพื่อนตุ้ม อีกทั้งยังเป็นเกียรติประวัติที่สามารถใช้เป็นตัวอย่างของทหารที่ดี ซึ่งเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่แบบที่พวกเราเคยท่องกันสมัยเป็นนักเรียนทหารว่า "ตายในสนามรบ (หน้าที่) เป็นเกียรติของทหาร" ผมขอให้ดวงวิญญาณของเพื่อนตุ้มและภรรยาได้เดินทางสู่สรวงสวรรค์และหากชาติหน้ามีจริงก็ขอให้ตุ้มได้กลับมาเป็นเพื่อนของเราอีกในทุกชาติไป

-------------------------------- 
พ.อ. เบญจพล รังษีภาณุรัตน์

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ