03 กุมภาพันธ์ 2566

ซุ้มกระบี่ ปราการเหล็กคุ้มภัย (ทหารดอทคอม 22 เม.ย.55)


        การจัดงานแต่งงานเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของคู่บ่าวสาว คู่บ่าวสาวที่จัดงานแต่งงานนั้นร้อยละ 99 ต้องการที่จะทำให้งานแต่งงานของตนออกมาดีที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ และในกิจกรรมย่อยที่จะสร้างความประทับใจให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว และต้องการประทับรอยในความทรงจำของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแต่งงานตลอดไปนั้น คือ การจัดพิธีลอดซุ้มกระบี่ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวที่เป็นทหารเท่านั้น (ประเทศไทยเพิ่มตำรวจมาด้วย)

        การจัดพิธีลอดซุ้มกระบี่เป็นสิ่งที่ไทยเรานำมาจากวัฒนธรรมของต่างประเทศ (สหรัฐและอังกฤษเป็นหลัก) ความหมายของการลอดซุ้มกระบี่หรือ การลอดผ่านโค้งเหล็กกล้า คือ ปราการเหล็กที่จะปกปักรักษาความรักของคู่บ่าวสาวที่ผ่านเข้ามาให้มั่นคงตลอดไป

        อันที่จริงตัวผมเองตอนจัดงานแต่งงานของตัวผมเองเมื่อปี 39 ก็ไม่ได้จัดกิจกรรมการลอดซุ้มกระบี่นี้เนื่องจากตอนนั้นค่อนข้างมีข้อจำกัดมากพอสมควร สำหรับในงานแต่งงานของเพื่อน ๆ และนายทหารอื่น ๆ ซึ่งผมเคยไปร่วมที่ผ่านมาก็มีกิจกรรมการลอดซุ้มกระบี่อยู่บ้างแต่ไม่มากนัก ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเจอปัญหาคล้ายคลึงกับผมจึงตัดสิ่งนี้ออกไป จึงทำให้ผมเองไม่ทราบรายละเอียดและแนวทางการจัดซุ้มกระบี่ที่ถูกต้องแท้ ๆ สักเท่าไรนัก

        อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนที่ผ่านมาตอนที่ผมอายุ 50 ปีเต็มมาได้สองเดือน ก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทมากท่านหนึ่งที่เป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยมาด้วยกันและไปมาหาสู่กันตลอดเวลาเกือบ 30 ปี ว่าเพื่อนสนิทของเราอีกคนที่เราไปร่วมพิธีหมั้นเมื่อก่อนน้ำท่วมใหญ่ปีที่ผ่านมานั้น จะจัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานแบบไม่ให้ใครเหมือนได้ ในวันที่ 21 เมษายน นี้ ที่สวนหลวง ร.9 ซึ่งผมมั่นใจว่างานนี้ต้องสนุกและประทับใจแน่

        ดังนั้น เมื่อเพื่อนผมบอกว่า เจ้าบ่าวของงานเขาจะจัดให้มีกิจกรรมลอดซุ้มกระบี่โดยไม่ให้เหมือนงานอื่น ๆ ที่เคยเจอคือใช้นักเรียนนายร้อยมาทำซุ้มกระบี่ เขาจะขอให้เพื่อนและน้องที่สนิทมาทำซุ้มกระบี่แทน ซึ่งหนึ่งในนั้นเขาก็บอกว่าผมเองได้รับเกียรติให้มีชื่ออยู่ในลำดับต้น ๆ ซึ่งจากความสนิทสนมและเป็นเพื่อนรักกันมานาน ทำให้ผมเองไม่ต้องคิดอะไรเลย ก็ตอบรับว่าผมยินดีจะเป็นหนึ่งในซุ้มกระบี่ในวันนั้น ในเมื่อเจ้าบ่าวไม่กลัวแขกว่าเอาคนแก่มาทำซุ้มกระบี่ ผมก็ไม่กลัวเหมือนกัน เป็นไงเป็นกันว่างั้นเถอะ

        ในวันซ้อมก่อนการจัดงานจริง ผมไปที่สถานที่เพื่อฟังรายละเอียดและขั้นตอนการทำซุ้มกระบี่ที่ถูกต้อง ซึ่งแต่ละคนก็มีความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วนำมาปะติดปะต่อกัน ซึ่งผมเองยืนฟังอยู่ด้วยคิดว่า ถ้าไม่มีผู้รู้จริงอาจจะทำให้คู่บ่าวสาวขายหน้าได้ เมื่อไม่รู้จะถามใครที่เป็นมนุษย์ได้ จะมีใครอื่นอีกล่ะที่จะมาตอบได้ดีไปกว่า กูเกิล ว่าแล้วผมก็หยิบ iPhone 4S ของผมมาเปิด 3G พิมพ์คำว่า พิมพ์คำว่าซุ้มกระบี่ลงไป ก็เจอบทความภาษาไทยที่เกี่ยวข้องและนำมาเป็นแนวทางได้อยู่สองสามลิงค์ จากนั้นก็ไปดูที่ลิงค์ของ Youtube ปรากฏว่าเจอพิธีนี้ซึ่งเป็นของต้นฉบับจากสหรัฐอยู่หลายคลิป แล้วก็รู้เพิ่มอีกว่าคำว่า ซุ้มกระบี่ นั้น ภาษาอังกฤษเขาใช้ว่า Saber/Sword Arch หรือ Arch of Steel

        ซึ่งเมื่อไปค้นหาใน Wikipedia และเว็บอื่น ๆ แล้ว ก็ได้รับทราบขั้นตอนของแท้ (กองทัพบกสหรัฐฯ) ที่เราได้นำมาดัดแปลงใช้เป็นของไทยเราตามความเหมาะสม ผมก็เลยคิดว่าน่าจะเกิดประโยชน์อยู่บ้างสำหรับท่านที่ไม่ทราบการจัดทำซุ้มกระบี่มาก่อนแบบผม แต่ต้องการทราบขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อใช้เป็นแนวทางในงานแต่งงานของตนเอง หรือลูกหลานแล้วก็ควรยึดแนวทางต่อไปนี้แล้วดัดแปลงต่อตามความสามารถที่มีดังนี้.-

            1. การทำซุ้มกระบี่มักทำกันกลางแจ้ง โดยเฉพาะหน้าประตูโบสถ์ (ฝรั่ง) หลังจากบาทหลวงทำพิธีแต่งงานจบ และแขกออกจากโบสถ์มาคอยอยู่ก่อนหน้าแล้ว

            2. ผู้ที่ถือกระบี่ในการทำซุ้มกระบี่ควรจะเป็นเพื่อนของเจ้าบ่าวเป็นหลัก หากหาไม่ได้ก็จะเป็นนายทหารของหน่วยของตนเองเป็นลำดับต่อไป จำนวนมาตรฐานคือ 6 นาย (3 คู่) แต่อาจจัด 4 นาย หรือ 8 นาย ได้

            3. ผู้ถือกระบี่ต้องใส่ถุงมือสีขาว การแต่งกายเป็นชุดใหญ่สุดของกองทัพ (กองทัพบกไทยชุดขาว) และก่อนและหลังการทำซุ้มกระบี่ ผู้ที่ทำซุ้มกระบี่จะต้องนำกระบี่ติดตัวไปด้วยตลอดเวลา แถวของผู้ถือกระบี่และความพร้อมเพรียงในการชักกระบี่ต่าง ๆ ควรดำเนินการหลังจากแขกพร้อมแล้ว เพราะจะสร้างความประทับได้มาก โดยเมื่อเดินออกมาจากจุดรวมพลเป็นคู่ ๆ จะเดินมาด้วยท่าบ่าอาวุธ (กระบี่)

            4. เมื่อถึงจุดที่กำหนดสั่งหยุด แล้วขวาซ้ายหัน หันหน้าเข้าหากัน คำสั่งต่อมาคือ คือการสั่งชูกระบี่ การชูกระบี่จะชักเฉียงขึ้นฟ้า ปลายกระบี่ของแต่ละคู่จะชนกันพอดี โดยคมกระบี่หงายขึ้นฟ้า ความสูงเพียงพอให้บ่าวสาวลอดได้

            5. เมื่อคู่บ่าวสาว เดินมาถึงกระบี่คู่สุดท้าย ผู้ถือกระบี่คู่สุดท้ายจะค่อย ๆ ลดกระบี่ลงมาพร้อมกันโดยเฉียงลงพื้นกั้นไม่ให้คู่บ่าวสาวผ่าน ดนตรี ควรหยุดเล่น เพื่อให้เสียงต่าง ๆ เงียบลง

            6. หลังจากเจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาว และเจ้าสาวหอมแก้มเจ้าบ่าวคืนแล้ว กระบี่คู่สุดท้ายที่กั้นอยู่จะยกสูงขึ้นกลับไปที่เดิมเพื่อให้คู่บ่าวสาวผ่านไปได้

            7. เมื่อเจ้าสาวเดินผ่านซุ้มกระบี่คู่สุดท้ายแล้ว ก่อนที่ผ่านเลยไป คนถือกระบี่คู่สุดท้ายคนหนึ่ง จะลดกระบี่ลงมาและตบลงไปที่ก้นเจ้าสาว และกล่าวว่า "ยินดีต้อนรับสู่กองทัพบก" ("Welcome to the Army, Mrs. ....... ") สำหรับข้อนี้ไม่เคยเห็นงานแต่งงานไหนในประเทศไทยทำเลย ใครสนใจจะลองทำดู ก็ควรแจ้งให้เจ้าสาวทราบก่อน จะได้ไม่ตกใจหรืออาย

            8. เจ้าบ่าวเจ้าสาวแสดงการเคารพผู้ทำซุ้มกระบี่ หลังจากนั้นนายทหารที่ทำซุ้มกระบี่สั่งแถวเดินกลับจุดรวมพล (จุดที่กำหนดไว้)

        ข้อมูลที่เขียนมาให้ คงไม่ครอบคลุมรายละเอียดทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องหลัก ๆ ที่จะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ซึ่งหากท่านทำได้หมดก็ถือว่าเป็นมืออาชีพ แต่เท่าที่ดูคงไม่ทำทั้งหมดได้ยากเนื่องจากข้อจำกัดในหลาย ๆ เรื่อง ก็ต้องต้องปรับกันไปให้เหมาะกับตัวเรามากที่สุด แบบที่ผมไปเป็นซุ้มกระบี่ให้กับเพื่อนสนิทดังกล่าว ก็ปรับจากต้นฉบับหลายอย่างมากพอสมควร)
-------------------------------- 
พ.อ. เบญจพล รังษีภาณุรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ