01 กุมภาพันธ์ 2566

เจ้าป่าอินวะษา (ทหารดอทคอม 14 เม.ย.55)


        เมษายน  2527 หลังจากจบการฝึกจู่โจมเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2527 ได้ไม่กี่วัน ผมก็กลับมาทำหน้าที่ใหม่ล่าสุดคือ การเป็นครูฝึกนักเรียนใหม่ ที่เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นหลังผมไปอีก 3 ปี โดยเป็นการฝึกในลักษณะหน่วยทหารขนาดเล็ก หรือการรบในสภาวะพิเศษ (ป่าเขา) ซึ่งมาทำการฝึกกันที่ค่ายฝึกอินวะษา กาญจนบุรี

            การฝึกในครั้งนี้เรียกว่าสนุกมากครั้งหนึ่งในชีวิตทีเดียว เพราะเพื่อน ๆ หัวหน้ากองพัน กองร้อย และหัวหน้าหมวด ของกองพันนักเรียนที่ 1 ที่มาเป็นครูฝึกด้วยกันประมาณ 16 คน เท่าที่จำได้ ได้แก่ เจษ, เษม, เนศ, แหลม, ป๋อม, ก้อย, แขก, วิทย์, เสริม, หน่อง, มาศ, ทศพร, เบี้ยว และผม ที่พึ่งจบจู่โจมมาได้ไม่กี่วัน กำลังร้อนวิชากัน ก็เอาวิชาที่ได้มาดัดแปลงใส่ให้น้อง ๆ ที่ไม่เคยกันอย่างเต็มที่แบบไม่เหน็ดเหนื่อย

            อันที่จริง เมื่อ มีนาคม 2523 ผมและเพื่อน ๆ เคยมาฝึกที่ค่ายอินวะษาครั้งหนึ่งแล้ว แต่มาในฐานะผู้ถูกฝึก ซึ่งครูฝึกที่เป็นนายทหาร ก็มี เสือดำเป็นหัวหน้า ส่วนนายทหารท่านอื่น ๆ ก็มีเสือเขียว หมีขาว ทองคำ เป็นต้น ที่เป็นนักเรียนชั้น 4 เตรียมขึ้นชั้น 5 ก็มี สักสิบคน เช่น ทะเล กางเขนไฟ โดยพี่ ๆ ที่มาฝึกให้ มีฉายารวม ๆ เรียกว่า กะเหรี่ยง คงจะเป็นชื่อที่เรียกตาม ๆ กันมา ในฐานะที่เรียนไม่ผ่านหลักสูตรจู่โจม เพื่อไม่ให้ว่างก็เลยมาเป็นผู้ช่วยครูฝึก พวกเราที่มาจาก นักเรียนเตรียมทหาร ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนตอนถูกฝึกก็เรียกว่ายากลำบากมาก ๆ แต่พอผ่านไปแล้วก็รู้ว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ประทับใจมากที่เดียว


            การฝึกอินวะษาในปีต่อมาต้องหยุดชะงักลงจากผลกระทบของเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อ 1-3 เมษายน 2524 เนื่องจากผู้บังคับการกรมหรือเสือดำมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์และเป็นฝ่ายที่ต้องร่นถอยไป เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปมีความปรองดองกันแล้ว การฝึกอินวะษาจึงกลับมาอีกครั้งในยุคที่ผมเป็นชั้น 4 จะขึ้นชั้น 5 พอดี

        ช่วงแรกที่น้อง ๆ นักเรียนใหม่มารายงานตัว ประมาณ มีนาคม 2527 ที่ที่ตั้งของโรงเรียนเดิม ถนนราชดำเนินนอก ได้ระยะหนึ่ง พวกเรานักเรียนปกครองจะปล่อยข่าวว่าเราเป็นพวกกะเหรี่ยงที่ไม่ผ่านการฝึกจู่โจม มาทำหน้าที่เพียงผู้ช่วยนายทหารปกครองชั่วคราวเท่านั้นเพื่ออยากจะดูว่าน้อง ๆ จะรู้สึกกับเราอย่างไร อีกความคิดหนึ่งก็ต้องการสร้างสิ่งที่คาดไม่ถึงอันเป็นการฝึกอย่างหนึ่งให้กับน้อง ๆ

        ตอนนั้น หัวหน้าหมวดบางคน (น่าจะเป็นธเนศ ที่น้อง ๆ เรียกว่า เวตาล ปัจจุบัน เป็น ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 6) ได้ปลอมตัวเป็นนักเรียนใหม่เข้าไปกินไปนอนกับน้อง ๆ นักเรียนใหม่ ยอมให้เพื่อน ๆ ด้วยก้นแดกไปด้วยอยู่หลายวันเพื่อหาข่าววงในโดยที่น้อง ๆ ไม่รู้ตัว เพราะ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นนี้ เป็น นักเรียนเตรียมทหารที่ โรงเรียนเตรียมทหาร เพียงปีเดียวก็ถูกส่งขึ้นเหล่า เนื่องจากมีการเปลี่ยนระบบการศึกษาของ โรงเรียนเตรียมทหารใหม่
            การฝึกที่ค่ายอินวะษานั้น เป็นการฝึกภาคป่าภูเขาที่เทียบระดับแล้วน้อง ๆ การฝึกจู่โจมเลยทีเดียว การใช้กระสุนวัตถุระเบิดส่วนใหญ่เป็นของจริง และใช้กันเป็นจำนวนมากให้สมกับการฝึกคนเพื่อไปผู้นำกองทัพเลยทีเดียว มีอยู่ครั้งหนึ่งก่อนการถ่ายรูปนี้ เป็นการฝึกการเล็ดลอดหลีกหนี คือการนำน้อง ๆ นักเรียนใหม่ขึ้นรถไปปล่อยในพื้นที่ห่างไกลจากค่ายประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร แล้วสมมุติว่าทุกคนเป็นเชลยศึกที่กำลังแหกค่ายข้าศึกเพื่อหนีกลับมายังพื้นที่ฝ่ายเราคือค่ายอินวะษา แบบในหนังเรื่อง สะพานข้ามแม่น้ำแคว

            นักเรียนใหม่ทั้งเนื้อทั้งตัว จะมีให้แต่กระติกน้ำ ชุดเสื้อผ้า และ ปืนเล็กยาวบรรจุเองแบบ 88 แล้วทำการเล็ดลอดออกมาตอนทุ่มตรง พวกเราที่เรียกตัวเองว่าเจ้าป่า แทนคำว่ากะเหรี่ยงก็จะมาดักตามเส้นทาง คอยจับน้อง ๆ ที่ไม่ยอมมุดป่า ใครถูกจับได้ ก็จะโดนยึดเสื้อผ้า ให้เหลือแต่กางเกงในและรองเท้าคอมแบ็ท แล้วปล่อยให้เล็ดลอดต่อ ซึ่งถ้าโดนจับอีกครั้ง คราวนี้ต้องถูกจับไปปล่อย ณ จุดเริ่มต้นใหม่ เท่าที่จำได้ก็มีน้อง ๆ ที่พวกเราตั้งฉายากัน เช่น ไอ้แม้น ไอ้มั่น(คนนี้เป็นนายพลไปหลายปีแล้ว) ไอ้ไปล่ ไอ้เปลื่อง โดนจับแก้ผ้ากันหลายคน
            สำหรับผมตอนนั้น หนังเรื่อง แรมโบ้ กำลังดัง ก็เลยแต่งกายและใช้ยุทธวิธีแบบแรมโบ้ ไปซุ่มอยู่คนเดียวเพื่อจับน้อง ๆ อยู่แถวป่าไผ่ก่อนที่จะถึงทางเข้าค่ายเพราะคิดว่าน้อง ๆ คงประมาทและถูกจับได้ง่ายแน่ สักประมาณสี่ทุ่มกว่า ๆ ก็เริ่มมีนักเรียนใหม่กลุ่มแรกเล็ดลอดกลับมาถึงทางเข้าค่ายที่ผมซ่อนตัวอยู่ในความมืด ผมรออย่างเงียบ ๆ แบบแรมโบซ่อนตัวอยู่ในขี้โคลน จนน้องกลุ่มนั้นเดินเข้ามาใกล้ จนพอได้ระยะคว้ามือได้ผมก็กระโจนออกมาจากกอไผ่ คว้าตัวน้องคนที่ใกล้ที่สุด ด้วยความตกใจน้องคนนั้นสะพัดตัวเต็มที่และทั้งกลุ่มก็วิ่งกระจัดกระจายกันไป
            ผมเองมือยังจับตัวน้องได้หลวม ๆ แต่ยังไม่ยอมปล่อยวิ่งตามไปด้วย วิ่งเกี่ยวกันได้ระยะหนึ่งผมเองก็ไปสะดุดกิ่งไม้ล้มฟาดหน้าลงไปกับพื้นอย่างแรง ผมเองลุกขึ้นรู้สึกเปียก ๆ แสบ ๆ ที่ต้นแขนซ้าย เลยเอามือมาคลำดูที่แขนปรากฏว่ามีเลือดออกเนื่องจากถูกตอไม้ลวกที่มีคนตัดไปแล้วแต่เสี้ยมแหลมยังคงอยู่ทิ่มที่ต้นแขน และต้องใจหายวาบเมื่อมองดูรอบ ๆ แม้ในความมืด ก็เห็นว่ามีตอไม้รวกที่ถูกตัดเป็นปากฉลามอยู่เต็มไปหมดเหมือนเป็นกับดักของพวกเวียดกง แล้วก็คิดอยู่ในใจว่านี่นับว่าโชคยังดีนะที่ไม่ล้มเอาตัวหรือคอไปทับกับคมไม้รวกตรง ๆ คงดูไม่จืดแน่
            ซึ่งถ้าเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นผมเองก็คงไม่มีโอกาสได้มาถ่ายรูปนี้แล้วแชร์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ระลึกถึงค่ายอินวะษากันเป็นแน่แท้ที่เดียว
--------------------------------
พ.อ. เบญจพล รังษีภาณุรัตน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ