ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก หรือที่เรียกว่า ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกชื่อนี้เป็นชื่อที่มีพลัง น่าเกรงขาม ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกมีการตั้งอย่างเป็นทางการและจริงจังมาตั้งแต่ปี 2506 ที่สวนรื่นฤดี และได้ย้ายมาอยู่ที่ชั้น 5 อาคาร 1 กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่ปี 2536 จนถึงปัจจุบัน
ผมเองเคยมาที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกสวนรื่นฤดี ครั้งแรก เมื่อ ธันวาคม2534 โดยตอนนั้นยศร้อยเอกเป็นนายทหารคนสนิทผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบ ติดตามท่านมาเพราะเสนาธิการทหารบก โทรศัพท์ตาม ผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบให้มาชี้แจงเรื่องแผนการพัฒนา ศูนย์การทหารราบ ด่วน จึงทำให้ต้องยกเที่ยวบิน ของเครื่อง T-41 ที่บินตรวจพื้นที่ ศูนย์การทหารราบที่ถูกบุกรุกไปแล้วรอบหนึ่งของ ผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบ และผมให้กับอาจารย์แผนกยุทธวิธีบินแทน
วันนั้นจำเหตุการณ์ได้ดี เพราะขณะกำลังใช้โทรศัพท์สื่อสารทหารหน้าห้อง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก(เสนาธิการทหารบก ทำหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก) ในขณะนั้น โทรกลับไปตามข้อมูลที่ศูนย์การทหารราบ ตามที่ผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบ สั่ง ยังไม่ทันได้ข้อมูลครบ สายโทรศัพท์ก็เงียบหายไปเฉย ๆ มาทราบสาเหตุอีกที่ก็พักใหญ่ว่า เครื่องบินจากศูนย์การบินทหารบกที่มีแผนจะนั่งในวันนี้กับผู้บัญชาการศูนย์การทหารราบ ซึ่งยกให้อาจารย์ยุทธวิธี ขึ้นแทนนั้น เครื่องขัดข้องตอนขึ้นจากสนามบินใน ศูนย์การทหารราบ ต้องบินย้อนกลับ แต่มายังไม่ถึงเครื่องก็ดับและตกลงบนถนนใน ศูนย์การทหารราบ และโดยเฉี่ยวชนกับเสาไฟฟ้าและโทรศัพท์ทำให้สายโทรศัพท์ขาดการติดต่อสื่อสาร และทำให้อาจารย์ 2 ท่านและนักบินอีก 2 นาย เสียชีวิตทั้งหมด
ผ่านไปเกือบ 10 ปี หลังจากกลับจากติมอร์ตะวันออก เมื่อ สิงหาคม 2543 ผมก็ย้ายจากที่ทำงานจากบางเขนมาทำงานเป็น หัวหน้าแผนกที่ กองยุทธการ กรมยุทธการทหารบก และบรรจุอีกตำแหน่งหนึ่งในส่วนของห้องปฏิบัติการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกที่ตอนนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกได้ย้ายมาอยู่ที่ถนนราชดำเนินนอกรวมกับ กองบัญชาการกองทัพบก ใหม่แล้ว ผมเองมีหน้าที่หลักในการดูแลหรืออยู่เบื้องหลังของห้องประชุมสำหรับ Morning Brief รวมทั้งการประชุมที่มีผลต่อการตัดสินใจสำคัญระดับกองทัพบกของ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ กองทัพบก หรือที่มาเรียกตอนหลัง ๆ ว่าห้อง War Room ทำหน้าที่นี้อยู่ได้สองปี ก็เดินทางไปทำงานที่สหรัฐและที่อื่น ๆ อีกเกือบ 5 ปี
หลังจากเรียนจบวิทยาลัยการทัพบก เมื่อ กันยายน 2550 ก็กลับมาปฏิบัติหน้าที่ ที่กรมยุทธการทหารบก (กลับมาอยู่ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกอยู่ 2 เดือน หลังจากกลับจากสหรัฐและรอไปสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปี 48) ตำแหน่งใหม่ของผมคือทำหน้าที่เป็น รองผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมยุทธการทหารบก และความรับผิดชอบหลักของผมในครั้งนี้ คือ การสร้างระบบควบคุมบังคับบัญชากองทัพบก หรือที่เรียกว่า Army C4I ให้เป็นรูปธรรม การมาของผมในครั้งนี้ได้รับความกรุณาจากพี่เป้งและการอนุมัติของท่านเจ้ากรมที่เคยเป็นหัวหน้าพาไปติมอร์ตะวันออกและ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนความรับผิดชอบของผมใน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกคือ การทำให้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกที่ พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน และกำลังพลในทุกระดับชั้นที่เกี่ยวข้องได้สร้างสมกันมาให้มีความทันสมัย ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้ง เอามาอวดต่อสายตาทุกคนให้เป็นที่ภาคภูมิใจของคนในกองทัพบกได้
หลังจากศึกษาโครงสร้าง สำรวจทรัพยากรที่มี หาข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสารของสหรัฐ ทำการตั้งหลักหาแนวทางอยู่สัก 3 เดือน ก็สรุปได้ว่า ของสองสิ่งที่มีความเร่งด่วนที่ต้องเริ่มต้นให้ ระบบควบคุมบังคับบัญชากองทัพบกเป็นจริงได้ คือ การสร้าง/พัฒนากำลังพลให้มีขีดความสามารถด้าน Hi-Tech และการสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นในทุกระดับชั้น เพื่อเป็นพลังผลักดันให้ระบบควบคุมบังคับบัญชาเดินไปได้
ผมเองได้เก็งตัวบุคคลต่าง ๆ ในแต่ละกองใน กรมยุทธการทหารบก และ กรมฝ่ายอำนวยการและกรมฝ่ายยุทธบริการ รวมไปถึง กองกำลังป้องกันประเทศทั้ง 7 กองกำลัง และ อีก 5 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาค/หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และก้าวข้ามเส้นแดนของ กองทัพบก ไปพัฒนาความสัมพันธ์กับ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กรุงเทพมหานคร บริษัท ESRI และออกนอกประเทศไปยังกองทัพสหรัฐฯ เพื่อนำความรู้ความสามารถและยุทโธปกรณ์ที่มีความ Hi-Tech ของแต่ละหน่วยมาเสริมงานให้เกิดประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ผมเองและทีมงานที่จัดตั้งขึ้นจาก กองเทคโนโลยีและการสื่อสาร กรมยุทธการทหารบก ได้เดินสายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อปลุกเร้าผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ ให้เห็นถึงความสำคัญของระบบควบคุมบังคับบัญชากองทัพบก และในส่วนของ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกก็ได้ใช้โอกาสของการฝึก การฝึกร่วม 51 เป็นจุดเริ่มต้นและเป็น Model ของทุกกรมฝ่ายอำนวยการ กิจการพิเศษ ยุทธบริการ และหัวใจสำคัญคือ ผู้บังคับบัญชาที่เป็นผู้ตัดสินใจให้ระบบควบคุมบังคับบัญชาเดินไปข้างหน้าได้ไกลขนาดไหน
จากประสบการณ์การเข้าร่วมการฝึกคอบร้าโกล์ดอยู่ 2 - 3 ครั้ง และภาพห้องปฏิบัติการจากหนังชุด 24 ก็เอามาถอดแบบเท่าที่ทรัพยากรมีและหามาได้ แล้วนำเอาโต๊ะเก้าอี้เดิมของห้อง ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกที่มีของใหม่มาแทนแล้ว สิ่งอุปกรณ์อื่น ๆ ของ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกและที่ กองเทคโนโลยีและการสื่อสาร กรมยุทธการทหารบก รวมทั้งการสนับสนุนจาก บริษัท MFEC ที่เป็นคู่ค้าของ กองทัพบก นำมาจัดตั้งห้องระบบควบคุมบังคับบัญชา
วันเตรียมการก่อนฝึก การฝึกร่วม 51 จริง 26 พฤษภาคม51 ห้องระบบควบคุมบังคับบัญชาตามมีตามเกิดของผมและกำลังผมที่ผมไปอ้อนวอนและบังคับให้มาร่วมการฝึกพร้อมรับฟังการชี้แจงจากผมโดยมีท่าน จก.ยก. ยืนอยู่ท้ายห้องฟังไปด้วย โดยไม่พูดอะไร หลังจากผมชี้แจงจบ ผมกลับลงจาก ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกชั้น 5 ออกไปประสานงานกับหน่วยนอก กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อลงรายละเอียดในการฝึก
ก่อนกลับบ้านตอนเย็นผมกลับมาตรวจความพร้อมอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะฝึกจริงในวันรุ่งขึ้น ผมต้องตกใจแทบสิ้นสติ เพราะห้องที่ผมใช้เวลาคิดและเตรียมการมากว่าสองเดือน แม้ว่าจะเป็นไปแบบตามมีตามเกิดแต่ต้องความสามารถและความสัมพันธ์ตลอดจนกุศโลบายในทุกรูปแบบกับบุคคลจำนวนมากกว่าที่จะได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายได้อันตรทานหายไปจนหมดสิ้น คอมพิวเตอร์และสายแลนหลายสิบเส้นที่อุตส่าห์หามาและใช้เวลาลากกันเป็นวันเพื่อให้เชื่อมต่อกับ กองกำลังป้องกันชายแดน และ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาค ทั้ง 12 แห่งถูกถอดออกหมด จะมีหลงเหลือให้เห็นก็เป็นเพียงเศษกระดาษบนพื้นสามสี่แผ่น
ผมพูดอะไรไม่ออกเพราะมันไม่รู้ว่ามีอะไรไปจุดที่คอหอย แต่ก่อนที่ผมจะตั้งหลักพูดอะไรออกไปได้ ผมก็เหลือไปเห็นบริเวณที่เคยเป็นที่ว่างห่างออกไปจากที่เดิมสัก 40 เมตร เป็นภาพที่ต้องผมต้องตกตะลึงเป็นรอบสอง เพราะเป็นภาพที่ท่าน เจ้ากรมยุทธการทหารบก กำลังสาละวนบัญชาการด้วยตนเองในการจัดโต๊ะเก้าอี้ห้องระบบควบคุมบังคับบัญชาใหม่แทนจุดที่ผมดำเนินการเมื่อเช้านี้
การสร้างภาพของเกิดพลังมหาศาลมากกว่าที่คาดและวาดหวังไว้ ผู้บังคับบัญชาและผู้คนมากมายที่ยืนเฝ้ามองผมอยู่ห่าง ๆ เพื่อดูว่าผมทำอะไรตลอดเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา บัดนี้ทุกคนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์และเข้าใจแล้ว หลังจากการฝึก การฝึกร่วม 51 จบ เจ้ากรมยุทธการทหารบก ได้อนุมัติเงินจำนวนหนึ่งและมอบหมายให้ พี่ตั๋งและพี่เป้ง 2 ผู้อำนวยการกองหลักของ กรมยุทธการทหารบก คิดและออกแบบห้องระบบควบคุมบังคับบัญชากองทัพบกขึ้นมาใหม่โดยมีผม น้อง ๆ และกำลังพลใน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกช่วยกันติดสิ่งละอันพันละน้อย จนเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเปิดใช้งานในเวลาต่อมา
ห้องดังกล่าวได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นรูปธรรมสัมผัสได้เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไม่เฉพาะ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ภาคภูมิใจของกำลังพลทั่วไปในกองทัพบก เพราะเป็นสถานที่ที่ใช้ในควบคุมการปฏิบัติการภารกิจของ ทบ.ที่สำคัญในหลายครั้งหลายหน และให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวมทั้งนายทหารระดับสูงของกองทัพอยู่เป็นประจำ จนเป็น ระเบียบปฏิบัติประจำของ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกไปแล้ว
สำหรับห้องดังกล่าวทราบว่าตั้งแต่สร้างและเปิดใช้มาตั้งแต่ปี 2551 ทราบว่ายังไม่มีใครเสนอชื่อห้อง โดยยังคงเรียกชื่อว่า ห้อง C4I ซึ่งหากวันใดวันหนึ่งในอนาคตมีผู้ที่เห็นว่าควรมีการตั้งชื่อเฉพาะขึ้นมาผมก็อยากให้พิจารณาตั้งชื่อว่าห้อง "อักษรหัส" ไว้สักทางเลือกหนึ่งเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลังได้จดจำและระลึกถึงความเป็นมาสักหน่อยนะครับ
--------------------------------
พ.อ. เบญจพล รังษีภาณุรัตน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น